Unique Item คือ ข้อมูลที่ไม่ซ้ำกับข้อมูลอื่น ซึ่งในกรณีที่มีการบันทึกรายการซ้ำกันไว้หลายรายการ รายการแรกของแต่ละชุดที่ซ้ำกันก็คือ Unique Item โดยใช้สูตรคล้ายกับสูตร Multiple Match เพียงมีขั้นตอนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งขั้นตอน
ในภาพนี้ตารางรหัส ID จาก C3:C20 มีรหัสบันทึกไว้ซ้ำกัน รหัส ID ที่เป็น Unique Item คือรหัสรายการที่ 1, 2, 3, 4, 5, 7, 10, และ 16 ซึ่งหาตัวเลขตำแหน่งรายการเหล่านี้ได้จากสูตร Array ในเซลล์ I3:I12 { =SMALL( IF(MATCH(ID&"",ID&"",0) = Num, Num), Num)} โดยสูตรนี้ต้องสร้างพร้อมกันลงทีเดียวไปในเซลล์ I3:I12 แล้วกดปุ่ม Ctrl+Shift+Enter เพื่อทำให้มีเครื่องหมายวงเล็บปีกกาปิดหัวท้ายสูตรให้เอง (ทั้งนี้ให้เลือกจำนวนเซลล์ I3:I12 มากหรือน้อยกว่านี้ก็ได้แล้วแต่ว่าจะมีจำนวน Unique Item ทั้งหมดมากน้อยเท่าใด)
Step1 : สูตร MATCH(ID&"",ID&"",0) ทำหน้าที่หาเลขตำแหน่งรายการของ ID แต่ละตัว สาเหตุที่ต้องปรับให้ใช้ ID&"" เพื่อทำให้สูตรนี้ยังใช้งานได้หากมีเซลล์ว่าง เช่น เซลล์ C20
Step2 : นำค่าจาก Step1 ไปเทียบกับเลขลำดับ Num จะพบว่าตำแหน่งรายการที่ตรงกัน หรือแสดงค่าเท่ากับ True คือตำแหน่งที่เป็น Unique Item
Step3 : เปลี่ยนค่า True จาก Step2 ให้เป็นเลขที่รายการด้วยสูตร IF(MATCH(ID&"",ID&"",0) = Num, Num)
Step4 : เรียงเลขตำแหน่งรายการที่ได้จาก Step3 ให้เรียงจากน้อยไปมากด้วยสูตร Small
เมื่อได้ตัวเลขตำแหน่งรายการที่เป็น Unique แล้วให้ใช้สูตร Index แสดงชื่อรหัส ID ต่อไป
นอกจากสูตรข้างต้นแล้ว ยังมีสูตรลัดหาชื่อรายการที่เป็น Unique หรือจะใช้คำสั่ง Data > Advanced แบบ Unique records only
เซลล์ D3 สร้างสูตร =B3 เพื่อนำรหัสรายการแรกยกมาเป็น Unique Item ไว้ก่อน จากนั้นในเซลล์ D4 ให้สร้างสูตร Array {=INDEX(ID,MATCH(0,COUNTIF($D$3:D3,ID),0))} แล้ว copy สูตรไปต่อลงไปในเซลล์ถัดไปด้านล่าง โปรดดูรายละเอียดของสูตรนี้ได้จาก http://www.get-digital-help.com/2009/03/30/how-to-extract-a-unique-list-and-the-duplicates-in-excel-from-one-column/