ตัวอย่างรหัสต่อไปนี้แทบทั้งหมด เป็นตัวอย่างซึ่งได้จาก VBE Help โดยใช้คำว่า Name ในการค้นหา
- Worksheets(1).Visible = False
ซ่อนชีทแรก
- Worksheets("Sheet1").Protect password:="forall"
ป้องกันชีทชื่อ Sheet1 โดยใช้รหัสว่า forall
- Worksheets("Sheet1").Activate
เลือกชีทชื่อ Sheet1
- ActiveSheet.PrintOut
สั่งพิมพ์ชีทที่กำลังใช้งานอยู่
- Worksheets("Sheet1").Range("A1").Value = 100
ส่งเลข 100 ลงไปในเซลล์ A1 ของชีทชื่อ Sheet1
- Range("A1:H8").Formula = "=Rand()"
สร้างสูตร =Rand() ลงไปในเซลล์ A1:H8 ของชีทที่กำลังใช้งานอยู่
- Worksheets(1).Range("Criteria").ClearContents
ลบข้อมูลในพื้นที่ที่มีชื่อ Range Name ว่า Criteria
- Worksheets(1).Cells(1, 1).Value = 24
ส่งเลข 24 ลงไปในชีทแรก ณ ตำแหน่งเซลล์ที่อยู่ที่ row ที่ 1 ตัดกับ column ที่ 1 ของพื้นที่ในชีทแรก ซึ่งหมายถึงเซลล์ A1
- ActiveSheet.Cells(2, 1).Formula = "=Sum(B1:B5)"
สร้างสูตร =Sum(B1:B5) ลงไปในเซลล์ A2 ของชีทที่กำลังใช้งานอยู่
- Worksheets(1).Range("C5:C10").Cells(1, 1).Formula = "=Rand()"
สร้างสูตร =Rand() ลงไปในเซลล์ C5 ของชีทแรก (C5 คือ เซลล์ที่อยู่ในตำแหน่ง row ที่ 1 ตัดกับ column ที่ 1 ของพื้นที่ C5:C10)
- Selection.Offset(3, 1).Range("A1").Select
เลือกเซลล์ที่อยู่ถัดจากเซลล์ที่กำลังเลือกอยู่ ห่างลงไป 3 row และ ถัดไปด้านขวา 1 column (รหัสแบบ Offset นี้จะเรียกเซลล์ที่ต้องการว่า Range("A1") เสมอ) ดังนั้นถ้าเดิมอยู่ในเซลล์ A1 พอสั่งให้รหัสบรรทัดนี้ทำงาน จะเลือกเซลล์ B4
- Range("MyData")(4)=100
ส่งเลข 100 ลงไปในเซลล์ที่ 4 ในพื้นที่ตารางที่มี Range Name ชื่อ MyData โดยเซลล์ที่ 4 นี้จะนับจากซ้ายไปขวาแล้วนับต่อลงไปยัง row ถัดลงไป แล้วนับต่อจากซ้ายไปขวาในพื้นที่ MyData
- Range("MyData")(1,3)=100
ส่งเลข 100 ลงไปในเซลล์ที่อยู่ ณ ตำแหน่ง row ที่ 1 ตัดกับ column ที่ 3 ในพื้นที่ตารางที่มี Range Name ชื่อ MyData