เมื่อสูตรไม่สามารถคำนวณหาค่าออกมาได้ก็จะเปลี่ยนเป็นคำเตือน Error ที่มีเครื่องหมาย # นำหน้า และจะส่งผลต่อเนื่องไปยังสูตรอื่นที่ลิงก์ค่าไปใช้ต่อทำให้เกิด Error ต่อไปอีก
เมื่อใดที่เกิด Error ขึ้นมาให้เห็น อย่ารีบร้อนไปแก้ Error ที่เซลล์ผลลัพธ์ให้เปลี่ยนไปเป็นช่องว่างหรือตัวเลขอื่น แต่ต้องไล่หาสาเหตุของการเกิด Error ให้เจอแล้วหาทางป้องกันที่ต้นตอเพื่อปิดโอกาสใดๆในอนาคตที่จะทำให้สูตรคำนวณไม่ได้อีก เมื่อหาทางป้องกันที่ต้นเหตุไว้เต็มที่แล้ว ย่อมไม่น่าจะมี Error เกิดขึ้นอีกเลย แต่เพื่อทำให้มั่นใจ 100% ก็อาจแก้ไข Error ที่เซลล์ผลลัพธ์เผื่อไว้อีกก็ได้
การแก้ Error ทำได้หลายวิธี
- แก้ด้วยสูตร IFError หรือ ใช้ If ร่วมกับสูตร IsError เพื่อเปลี่ยน Error ให้เป็นค่าอื่น โดยต้องยึดหลักว่า ค่าใหม่ที่ใช้แทน Error นั้นต้องยังคงมีสถานะตามค่าเดิมที่สูตรจะคำนวณได้ เช่น ให้แสดงเป็นเลข 0 แทนเมื่อสูตรเดิมคำนวณตัวเลขแล้วใช้ Format 0;-0; เพื่อทำให้เห็นเป็นเซลล์ว่าง หรือถ้าสูตรเดิมหาค่าเป็นตัวอักษร ให้แสดงเป็นช่องว่างด้วย Null Text โดยการใส่ “” (ไม่ควรใช้ “” กับสูตรที่คำนวณเป็นตัวเลข เพราะ “” มีสถานะเป็น Text และไม่สามารถนำ “” ไปบวกลบคูณหารต่อได้)
.. - ถ้าไม่ได้นำค่านั้นไปคำนวณต่ออีก อาจปล่อย Error ไว้ แต่ทำให้มองไม่เห็น Error โดยใช้ Conditional Formatting ตรวจสอบโดยใช้สูตร IsError แล้วเปลี่ยนสี font ให้กลืนกับสีพื้น
.. - ปล่อย Error ไว้ แต่ทำให้มองไม่เห็น Error บนหน้ากระดาษเมื่อสั่งพิมพ์ โดยกำหนดใน Page Setup > Sheet > Cell errors as แล้วกำหนดให้แสดงเป็น blank หรือ — แทน