ทำไมตัวเลขทางจากบัญชีเห็นเดบิทเท่ากับเครดิต แต่ Excel บอกว่ายังไม่เท่า

🧐 ทำไมตัวเลขทางจากบัญชีเห็นเดบิทเท่ากับเครดิต แต่ Excel บอกว่ายังไม่เท่า

กฏเกณฑ์การคิดคำนวณของคนเราพอนำตัวเลขมาใช้กับ Excel ต้องเข้าใจกฏของ Excel ต่อไปนี้ไว้เสมอ

👉 1. Excel รับตัวเลขได้สูงสุด 15 หลักเท่านั้น เช่น 1234567890.12345 หรือ 12345.6789012345 หรือ 1000000000.00001 โดยจะนับรวมกันทั้งตัวเลขหน้าจุดทศนิยมและหลังจุดทศนิยม แต่ไม่นับเลข 0 ที่อยู่หน้าสุดหรือหลังสุด

👉 2. หากกรอกค่าที่จำนวนหลักเกิน 15 หลัก หรือสูตรคำนวณเกิดเศษทศนิยมซ้ำกันไม่รู้จบหรือมีเศษเกินกว่า 15 หลัก Excel จะตัดหรือปัดให้ตัวเลขเหลือเพียง 15 หลักเท่านั้น

👉 3. เศษทศนิยมตัวเลขที่เห็นอาจไม่ใช่ตัวเลขจริงทั้งหมด เช่น สูตร =1/3 นั้น Excel พอแกะค่าดู จะคำนวณออกมาให้เห็นได้ 15 หลัก 0.333333333333333 แต่จะแสดงให้เห็นเพียง 0.333333333 ซึ่งแสดงออกมาเพียงทศนิยม 9 หลัก

👉 4. แม้แกะค่าได้ 0.333333333333333 แต่เมื่อนำเซลล์ =1/3 ไปคำนวณต่อโดยการคูณด้วย 3 จะเท่ากับ 1 แสดงว่าระบบความจำของ Excel ไม่ได้จำแค่ 15 หลัก แต่จะมีหลักการพิเศษที่ช่วยทำให้ 0.333333333333333 หรือแม้แต่ 0.333333333 เมื่อนำไปคูณ 3 จะไม่ได้ค่าเป็น 0.999999999999999 หรือ 0.999999999

เรื่องเหล่านี้เรียกว่า Excel Precision ทำให้เดบิทอาจไม่เท่ากับเครดิต หรือยอดคงเหลือที่นำยอดรับ-ยอดจ่าย ไม่ได้ค่าเท่ากับ 0 ... แต่อาจมองเห็นว่าเท่ากับ 0 ก็ได้ ..... เอ มันยังไงกัน

🤓 หากต้องการตัวเลขให้คงเหลือเท่ากับตัวเลขที่เห็นจริงๆ ต้องพึ่งสูตรพวกปัดกับตัดเศษครับ อย่าพึ่ง Format นะครับ เช่นไปกำหนดเซลล์ =1/3 ให้แสดง 0.33 แต่ยังไงก็ตามยังคงมีค่าเป็นทศนิยมทั้ง 15 หลักอยู่นั่นเอง

สูตรปัดตัวเลข =Round(1/3,2) จะทำให้ค่าเหลือเท่ากับ 0.33 เท่านั้น

Round เป็นสูตรปัดตัวเลข ถ้าหลักถัดไปมากกว่าหรือเท่ากับ 5 ก็จะปัดขึ้น แต่ถ้าน้อยกว่า 5 ก็จะตัดทิ้ง

แต่ถ้าอยากจะตัดเศษทิ้งเลยโดยไม่มีการปัดขึ้นให้ใช้สูตร Trunc

🧐 ในงานบัญชีการเงินต้องใช้ตัวเลขเท่ากับที่เห็นจริง ต่างจากงานงบประมาณที่ไม่ต้องใส่ใจกับเศษทศนิยมที่เกินกว่าที่เห็น

งานบัญชี จำเป็นต้องทำให้ตัวเลขที่เห็นตรงกับตัวเลขจริง หรืออีกนัยหนึ่งมีค่าตรงกันจริง ต้องใช้สูตร Round ช่วยเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องการทำให้ตรงกับเอกสารทางการเงินที่ส่งให้กับลูกค้า เช่น Invoice หรือ ใบเสร็จ ใบกำกับภาษี

😎 นอกจากนี้แล้ว Excel ยังมีวิธีการคำนวณแบบที่เราคิดไม่ถึงอยู่อีก ซึ่งอาจนึกว่าเพี้ยน แต่ Excel เป็นแบบนี้แหละ ตามภาพนี้

B7 มีสูตร =1/9000 ได้เศษทศนิยมยาวเหยียด นับแค่เลข 1 ได้ 15 หลัก
B8 =B7+1 พอได้เลข 1 มานำหน้า Excel ทำให้เศษท้ายๆถูกตัดทิ้ง
B9 =B8-1 พอนำไปลบ 1 ทิ้ง แทนที่จะตัดเลข 1 หน้าจุดทิ้งไปเท่านั้น กลับได้เศษท้ายๆแปลกเพิ่มมาให้อีก

+++++++++++++++++++++++++++++

ส่วนเซลล์ B11-B14 นั้น เป็นการพลิกสูตรจาก =1+1/9000-1 สลับไปสลับมาเป็น 1-1+1/900, 1/9000+1-1, -1+1/900+1 จะพบว่าไม่ได้คำตอบเดียวกันเลย ซึ่งแสดงว่า โจทย์เดียวกันแต่ใช้ลำดับการคำนวณไม่เหมือนกันอาจได้คำตอบไม่เท่ากันก็ได้ ... น่ากลัวไหม ... ยังมีน่ากลัวกว่านี้อีกครับ

+++++++++++++++++++++++++++++

เซลล์ B18 B19 B20 เป็นตัวเลขที่กรอกไว้ พอนำค่าไปลบกันได้ค่าเท่ากัน แต่เมื่อนำไปลบกันกลับไม่เท่ากับ 0

C19 =B18-B19
C20 =B19-B20
ทั้ง C19 C20 ได้ตัวเลขคำตอบที่เห็น 1.153 เท่ากันทั้งสองสูตร

E18 ตรวจสอบว่า C19=C20 ไหม Excel เองก็บอกว่าเท่ากัน แต่เมื่อสร้างสูตร =C19-C20 ในเซลล์ E20 กลับได้ค่าติดลบมีเศษน้อยๆติดมาด้วย

ทีนี้จะทำอย่างไรให้เท่ากับ 0 ล่ะ

ต้องใส่ ABS คร่อมเข้าไปก่อน เพื่อทำให้ค่าที่ลบกันหากติดลบต้องปรับเป็นค่า Absolute บวกไว้ก่อน จากนั้นจึงซ้อนเข้าไปในสูตร Round เพื่อตัดเศษทิ้งทั้งหมด

+++++++++++++++++++++++++++++

ทั้งหมดนี้ไม่น่าเรียกว่าเพี้ยนหรอกครับ เรียกว่า Excel เดาใจยากดีกว่าไหม

Download ตัวอย่างที่สร้างความงุนงงได้จาก

https://drive.google.com/file/d/1FBjHZxNQnArJq0d4oYAe5f2voyB0Y5GC/view?usp=sharing

+++++++++++++++++++++++++++++

ปล เรื่องเหล่านี้ผมแอบสอนมานานแล้ว เพราะถ้าไม่เข้าใจประเด็นนี้ดี สูตร IF Match VLookup XLookup จะหาค่าไม่ตรงกับที่เราคิด (ที่ใช้คำว่า แอบ หมายถึงไม่ได้เขียนบอกไว้ในรายชื่อหัวข้อการอบรม ไม่อยากให้ใครมาลอกครับ)

ลองสร้างสูตรง่ายดูครับ =2.3-2.2 ลองหากันว่าได้เท่าไรเอ่ย

ปล ของ ปล

ตอนนี้มีโปร 10-10 ลดราคาเรียนออนไลน์เหลือ 349 บาทอยู่ครับ ดูรายละเอียดที่
https://www.excelexperttraining.com/book/index.php/excel-articles-and-videos/excel-expert-training/pro-10-10