ในความเป็นจริงนั้นทั้ง Constant Name หรือ Range Name ต่างก็คือ Formula Name นั่นเองเพราะในช่อง Refers to: ต้องใส่เครื่องหมายเท่ากับไว้ด้านหน้าค่าคงที่หรือตำแหน่งอ้างอิงไว้เสมอ จึงเท่ากับว่าเป็นการตั้งชื่อให้กับสูตร เพียงแต่ว่าสูตรที่เป็น Constant Name กำหนดให้มีค่าเป็นค่าคงที่ ส่วน Range Name ได้กำหนดให้มีค่าเท่ากับค่าที่เก็บไว้ในตารางตามที่ระบุไว้ในช่อง Refers to: ซึ่งนอกจากจะอ้างถึงค่าคงที่หรือตำแหน่งอ้างอิงตามที่อธิบายผ่านไปแล้ว เรายังสามารถใช้ช่อง Refers to: ได้อีกหลายแบบ กล่าวคือ
- ใช้ผสมกันระหว่างค่าคงที่และตำแหน่งอ้างอิง เช่น =5*Top*Left โดยเลข 5 ถือเป็นค่าคงที่ ส่วน Top กับ Left เป็นตำแหน่งอ้างอิง
- ใช้ร่วมกับสูตรสำเร็จรูปของ Excel เช่น =SUM(Income)
- ใช้ย่อสูตรยากๆยาวๆให้เป็นชื่อสั้นๆเพียงชื่อเดียว โดยทยอยนำชื่อที่ตั้งไว้มาคำนวณในสูตรยาวๆที่คุณสร้างขึ้น เช่น แทนที่จะตั้งชื่อเดียวให้กับสูตร =(5*Top*Left)+Sum(Income) ก็สามารถตั้งชื่อให้กับสูตรแต่ละส่วนก่อนแล้วจึงนำชื่อมาใช้ต่อเป็น =MyVar1+MyVar2 โดยกำหนดให้ตั้งชื่อ MyVar1 มีค่า =5*Top*Left และตั้งชื่อ MyVar2 มีค่า =SUM(Income) ไว้ก่อน
- ใช้กำหนดตำแหน่งอ้างอิงแบบ Dynamic Range โดยใช้สูตร Offset ช่วยกำหนดขนาดตารางให้ย่อหรือขยายได้โดยอัตโนมัติตามขนาดของข้อมูล