สมัยเริ่มต้นสอน Excel ที่สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี ไทย-ญี่ปุ่น คิดอยู่นานว่าจะสอนอย่างไรดี ไม่เคยเห็นอาจารย์คนอื่นสอน ไม่เคยเรียนกับใครมาก่อนด้วย สมัยนั้นไม่มีวิดีโอจากยูทูปให้ดู มีแต่หนังสือตำราเล่มหนาเตอะของฝรั่ง ถ้าเอาเนื้อหาทั้งเล่มมาสอนก็ไม่ทันเวลาแน่นอน
แทนที่จะสอนคนเดียวหาเพื่อนมาร่วมชะตากรรมด้วยดีกว่า เชิญอาจารย์ประสาน สันตธาดาพรเพื่อนสมัยที่ทำงานด้วยกันมาเป็นผู้ช่วย ผมเป็นกองหน้าอยู่หน้าห้อง สอนไปทำตัวอย่างไปให้ดูบนจอภาพหน้าห้อง ส่วนอาจารย์ประสานเป็นกองหลังช่วยดูตามโต๊ะลูกศิษย์ว่าใครทำได้ไม่ได้ ตกลงกันว่าให้ทำมืออย่างนี้นะแสดงว่าให้หยุดสอน รอให้ทำตามให้ทันก่อนแล้วจึงสอนต่อไป
ในห้องที่สอนถ้ารับเต็มห้องจะรับผู้เข้าเรียนได้ยี่สิบกว่าคน พอเริ่มสอนไปได้สักพัก เริ่มมีสัญญาณมือบอกให้หยุดรอก่อน ไม่ใช่แค่ลูกศิษย์คนเดียวที่ติดปัญหา แต่มีปัญหาทำไม่ได้ ตามไม่ทัน ทำได้แต่ไม่ได้คำตอบที่ต้องการเกือบทุกคน ผลัดกันทำไม่ได้ไปเรื่อยๆ ผมต้องเปลี่ยนจากกองหน้ามาเป็นกองหลัง ช่วยอาจารย์ประสานแก้ไขปัญหาให้ทีละคน ... เอ ทำแบบนี้ สอนไม่ทันแน่นอน
เรื่องสยองขวัญที่ว่านี้ ไม่ใช่แค่กลัวว่าจะสอนไม่ทัน แต่ปัญหาหลักที่ทำให้เสียเวลามากๆ กว่าจะแกะเจอว่าที่ลูกศิษย์ทำตัวอย่างตามผมว่าผิดตรงไหนนั้นน่ะ ยากเหลือเกินครับ หลายคนติดปัญหาตั้งแต่การใช้เมาส์ว่าใช้ไม่คล่อง คลิกซ้ายแค่พอทำได้ ส่วนคลิกขวาใช้ไม่ค่อยเป็น
ภาษาที่ผมพูดไปอย่างกลับเข้าไจไปอีกอย่าง คำว่า คลิกเลือกเซลล์ คลิกลงไปแล้วลากเลือกพื้นที่ คำว่าแถวแปลว่า row หรือ column กันแน่
ตอนนี้พอคิดถึงตอนนั้นแล้วยังทำให้ถอนหายใจดังเฮือก ถ้าผมยังสอนแบบเดิมๆ แย่แน่นอน ต้องปรับวิธีการสอนใหม่ ... หาว่าอะไรเอ่ยที่ผมยังไม่ได้สอน หรือต้องสอนอะไรก่อน อะไรสอนทีหลัง
คิด คิด คิด วิเคราะห์ว่า ปัญหาที่ทำให้ลูกศิษย์ทำตัวอย่างตามผมผิดได้ง่ายที่สุดมากจากไหน ถ้าผมจะเปลี่ยนจากให้ทำตามช้าๆให้ทำตามได้เร็วขึ้น เปลี่ยนจากพาเดินไปเป็นวิ่ง จะทำได้อย่างไร ต้องสอนยังไง สอนอะไรดี
ที่สำคัญ ต้องหาทางลดการเข้าไปช่วยเหลือ แม้จะดูดีทำให้รู้สึกว่าเป็นการเอาใจใส่ลูกศิษย์แต่ละคนเป็นอย่างดี แต่การเข้าไปช่วยนั่นแหละ ไม่ได้ทำให้เกิดการช่วยเหลือตัวเอง หาทางแก้ปัญหาด้วยตัวเอง พอเรียนจบกลับบ้านไปก็ทำเองไม่เป็น
ในที่สุดก็ค้นพบว่า ตอนนั้นผมเก็บเรื่อง Range Name ไว้สอนทีหลัง แถมให้เวลากับเรื่องนี้น้อยมาก
พอสอนให้สร้างสูตรบวกเลข =SUM(A1:A9) บางคนก็ได้ตำแหน่งเซลล์ A1:A10, A2:A11 หรือเพี้ยนไปเป็น B1:B12 ต่างกันไปเลย
บางคนตอนที่สร้างก็ทำไว้ถูกต้อง =SUM(A1:A9) แต่พอทำไปทำมาก็ Insert row เพิ่ม ย้ายเซลล์ไปที่อื่น ทำให้สูตรไม่ตรงกันเสียแล้ว
แทนที่จะเริ่มให้สร้างสูตร ผมขอเปิดแฟ้มที่ทำไว้เสร็จแล้วให้ดูกันก่อน อวดให้ดูว่า ถ้ายังใช้ตำแหน่งอ้างอิงแบบ A1:A9 อยู่ตามเดิมที่เคยใช้กันนั้นไม่ดีตรงไหน พอเปลี่ยนมาใช้ Range Name แทน สูตรจะมีความหมายชัดเจนขึ้นว่ากำลังหายอดรวมของอะไร เช่น =SUM(Income) ก็คือหายอดรวมของรายได้
ไม่ต้องมองที่สูตรที่ว่า SUM ของ A1:A9 แล้วต้องเลื่อนไปมองที่ตารางอีกว่า A1:A9 คือพื้นที่เก็บค่าอะไร
พอสอน Range Name เท่านั้น ก็ทำให้หมดปัญหาไปทันที ทุกคนในห้องใช้สูตรแบบเดียวกัน =SUM(Income)
ถ้าได้คำตอบไม่ตรงกันอีก ให้กดปุ่ม F5 แล้วไปที่ชื่อ Income หรือจะคลิกที่ช่อง Name Box ก็ได้ เพื่อตรวจสอบว่าพื้นที่ชื่อ Income นั้นอยู่ตรงไหนในตาราง ไมว่าจะย้ายตารางไปที่ไหน Income ก็อยู่ตรงเซลล์ที่มีค่าตามเดิมนั่นแหละ
ที่ช่วยให้ประหยัดเวลาสอนไปได้อย่างมาก เกิดจากการเลิกใช้เมาส์คลิกเลือกเซลล์ A1:A9 พออยากจะดึงตำแหน่งเซลล์มาใช้ แค่ทำตามนี้
- พิมพ์เครื่องหมายเท่ากับ
- พิมพ์คำว่า sum(
- กดปุ่ม F3 จะแสดงรายชื่อ Range name ที่อยู่ในแฟ้มนั้นขึ้นมาให้เลือก Paste name
- คลิกที่ชื่อ Income แล้วกด OK
- กดปุ่ม Enter ก็ได้สูตร =SUM(Income) แล้วโดยไม่ต้องเสียเวลาไปใส่วงเล็บปิด
พอทำได้แบบนี้กันทุกคน อยากจะสอนสูตรอะไรต่อก็ง่ายแสนง่าย พอทำซ้ำบ่อยๆก็สอนแต่ละเรื่องได้เร็วขึ้น มีเวลาสอนเรื่องอื่นเพิ่มอีกเยอะ