😵💫 จากภาพนี้ จะทำอะไรก่อนครับ ... เมื่อเห็นข้อมูลที่เป็นวันที่ จะได้รู้ตัวว่าแฟ้มนั้นไปไกลถึงขอบฟ้าหรือไม่
👉 ให้คลิกลงไปในเซลล์นั้นแล้วดูในแถบช่อง Formula Bar เพื่อดูว่าค่าที่บันทึกไว้เป็นยังไง
อย่างภาพนี้เซลล์ C2 บันทึกคำว่า Jan เอาไว้
การที่บันทึกคำว่า Jan Feb Mar ... Dec ตารางนี้ใช้ได้แค่อวดให้คนดูเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้คำนวณต่อ
😢 Excel ไม่ได้รับรู้เลยว่า Jan ที่เห็นนั้นเป็นชื่อเดือน แต่เป็นแค่คำที่สะกดว่า J a n
😢 Excel ไม่สามารถหาว่าเดือน Jan มาก่อนเดือน Feb แต่จะรู้ได้เพียง Feb มาก่อน Jan เพราะดัว F มาก่อน J
ถ้าอยากทำให้ Excel รับรู้ว่า Jan เป็นเดือน หรือ 2022 เป็นปี ซึ่งสามารถนำไปคำนวณต่อได้ เอาไปเป็นเงื่อนไขเทียบหายอดจากเดือนนั้นถึงเดือนนี้ได้ ต้องทำแบบนี้แทนครับ
👉 👉 👉 พิมพ์ 15/1/2022 ลงไปในเซลล์ C2
👉 จากนั้นใช้ Format > Cells > Number > Custom กำหนดลงไป
👉 ถ้าอยากได้เฉพาะชื่อเดือน ให้ใช้ Format mmm จะแสดง Jan
👉 ถ้าอยากได้เฉพาะเลขเดือน ให้ใช้ Format mm จะแสดง 01
👉 ถ้าอยากได้เฉพาะเลขปี ให้ใช้ Format yyyy จะแสดง 2022
👉 ถ้าอยากได้เฉพาะเลขวันที่ ให้ใช้ Format d หรือ dd จะแสดง 15
🤩 แล้วทำไมในเซลล์ C2 ต้องใช้วันที่ 15/1/2022 กรอกลงไปด้วย ทำไมไม่ใช้วันที่ 1/1/2022 หรือ 31/1/2022
เพราะเซลล์ต่อไปให้สร้างสูตร =C2+30 แล้ว copy ต่อไป จะได้วันที่ 14/2/2022, 16/3/2022, 15/4/2022
โดยทั่วไป เราต้องการแค่ใช้เดือนกับปีมาใช้ในการคำนวณ การบวกด้วย 30 จะได้เซลล์ต่อไปหาค่าได้ทันที แม้ว่าจะได้วันที่ต่างไปก็ตาม
วิธีนี้ดีกว่าการใส่วันที่ 1 หรือ 31 ที่ต้องใช้สูตรหาค่าเดือนถัดไปยากขึ้น
++++++++++++++++++++++++++++
ปล ทุกครั้งที่ส่งแฟ้มมาถาม ขอให้ถ่ายภาพตารางที่เห็นค่าในเซลล์แสดงใน Formula Bar ติดมาด้วยครับ คนช่วยตอบจะได้ไม่ต้องเดาหรือกลายเป็นคุณหมอห้อง ICU ที่หมดโอกาสถามว่าป่วยเพราะอะไร