แทนที่จะต้องจำให้ได้ว่าสูตร SumIF, SumIFs, MaxIF, MinIF, AverageIF มีมาตั้งแต่ปางไหน เราสามารถสร้างสูตรที่ผมเรียกว่า XXX-IF Array นี้แทนได้เลย สามารถนำไปใช้กับ Excel ได้ทุก version
ปกติสูตร IF มีโครงสร้างสูตร
=IF( เงื่อนไข, ถ้าใช่ให้เป็นอะไร, ถ้าไม่ใช่ให้เป็นอะไร)
แต่ถ้าต้องการให้สูตรนี้ทำงานเฉพาะกรณีที่เงื่อนไขที่ใช่เท่านั้นก็ลดโครงสร้างเหลือเพียง
=IF( เงื่อนไข, ถ้าใช่ให้เป็นอะไร)
👉 พอเอาสูตร IF แบบย่อนี้ไปซ้อนในสูตรอื่น ก็จะทำหน้าที่หาคำตอบแบบพิสดารขึ้นมาทีเดียว
=Sum(IF( เงื่อนไข, ถ้าใช่ให้เป็นอะไร))
เทียบเท่ากับสูตร SumIF
=Max(IF( เงื่อนไข, ถ้าใช่ให้เป็นอะไร))
เทียบเท่ากับสูตร MaxIF
=Min(IF( เงื่อนไข, ถ้าใช่ให้เป็นอะไร))
เทียบเท่ากับสูตร MinIF
=Average(IF( เงื่อนไข, ถ้าใช่ให้เป็นอะไร))
เทียบเท่ากับสูตร AverageIF
=Small(IF( เงื่อนไข, ถ้าใช่ให้เป็นอะไร))
เทียบเท่ากับสูตร SmallF ที่ Excel ยังไม่มีสูตรแบบนี้ให้ใช้ เพื่อเรียงลำดับตัวเลขจากน้อยไปมากตามเงื่อนไข 🤩
🧐 ถ้าใช้ Excel 2021/365 ก็สร้างสูตรแบบนี้ลงไปได้เลย หากใช้กับรุ่นก่อนต้องกดปุ่ม Ctrl+Shift+Enter เพื่อทำให้มีวงเล็บปีกกา { } ปิดหัวท้ายสูตร
สาเหตุที่เรียกว่า Array เพราะเราสามารถใช้พื้นที่ตารางที่มีขนาดเท่ากันเข้ามาเทียบกัน เช่น ตามภาพนี้ ใช้พื้นที่รหัส มาเทียบกับพื้นที่ตัวเลข
a001 100
a002 200
a001 300
a004 400
a005 500
พอใช้เงื่อนไขให้หาตำแหน่งของรหัส a001 ก็จะนำตัวเลข 100 กับ 300 เท่านั้นมาใช้คำนวณต่อกับสูตร Sum, Max, Min, Average, หรือ Small ที่อยู่ด้านหน้า
ความพิสดารยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ หากชำนาญสูตร IF ขึ้นอีกนิด แทนที่จะต้องเสียเวลาไปใช้ IF ซ้อน IF กันหลายสูตรเพื่อทำให้มีหลายเงื่อนไข ก็สามารถนำเงื่อนไขมาคูณกันหรือบวกกันได้ด้วย กลายเป็นสูตรแบบนี้
=Sum(IF( เงื่อนไขที่1 + เงื่อนไขที่ 2, ถ้าใช่ให้เป็นอะไร))
ใช้บวกกรณีที่เงื่อนไขมาจากเรื่องเดียวกัน เช่น ใช้รหัสนั้นกับรหัสนี้
หรือ
=Sum(IF( เงื่อนไขที่1 * เงื่อนไขที่ 2, ถ้าใช่ให้เป็นอะไร))
ใช้คูณกรณีที่เงื่อนไขมาจากต่างเรื่องกัน เช่น ใช้รหัสกับชื่อลูกค้า
ชมคลิปได้ที่
https://www.excelexperttraining.com/online/courses/02-expert-guide/lessons/expert-guide-sumif-array/