👋 เลิกใช้ชื่อเดือน Jan Feb Mar .... Dec หรือวันที่ใดๆที่เป็นตัวอักษร < ชิดซ้าย
ตารางที่เกี่ยวข้องกับกำหนดเวลา เช่น รายงานทางบัญชี การเงิน การผลิต การขาย ต้องมีวันที่หรือวันเดือนปีกำกับเอาไว้บนหัวตารางใช่ไหม ที่ชอบใช้กันพบว่ามักกรอกชื่อเดือน Jan Feb Mar หรือ ม.ค. ก.พ. มี.ค. ลงไป แต่ทราบไหมว่าชื่อเดือนที่ใส่ลงไปนั้น ไม่มีประโยชน์ในการนำข้อมูลไปใช้ต่อได้อีกเลย
ถ้ากรอกคำว่า Jan ลงไป Excel รับรู้เพียงแค่นั่นเป็นคำว่า Jan เท่านั้น ไม่ใช่เดือน January แม้แต่น้อย หากต้องการหายอดรวมระหว่างเดือนไหนถึงเดือนไหน จะไม่สามารถใช้สูตรหายอดรวมได้เลย
ไม่ใช่แค่ชื่อเดือนเท่านั้น ชื่อวันอย่าง Mon Tue Wed หรือวันเดือนปี Monday 1 Jan 2024 ที่กรอกลงไป Excel ไม่ได้รับรู้แม้แต่น้อยว่าเป็นวันอะไร
☝️ วัน เดือน หรือปีที่แสดงบนหัวตารางหรือไม่ว่าที่ไหนก็ตามต้องชิดขวาของเซลล์ครับ แสดงว่ามีค่าเป็นตัวเลขที่ Excel รับรู้ว่าเป็นวันที่ นำไปใช้คำนวณต่อได้
จากภาพนี้ ข้อความที่วงกลมไว้แสดงคำว่า Start in Year 2024 นั้น ไม่ได้เป็นข้อความที่พิมพ์ลงไป แต่เกิดจากการใช้สูตร =DATE( $M$3, $Q$5, 15) โดย M3 เป็นเลขปี 2024 และ Q5 เป็นเลขเดือน 1 ส่วนเลข 15 นั้นหมายถึงวันที่ 15 (สมมติว่าใช้วันที่ 15 หรือวันที่ใดก็ได้ เพราะต้องการแค่ให้เป็นเดือนปีที่ต้องการเท่านั้นก็พอ)
สูตร =DATE( $M$3, $Q$5, 15)นี้จะคืนค่าออกมาเป็น 15/1/2024 แต่ที่แสดงเป็นข้อความ Start in Year 2024 มาจากการใช้ Custom Format "Start in Year "yyyy
จากนั้นก็ลิงก์ค่านี้ไปใช้ต่อในหัวตารางถัดลงไป ให้แสดงเป็นชื่อเดือน Jan โดยใช้ Custom Format [$-en-US]mmm ส่วนเดือน Feb Mar ... ถัดไปนอกจากจะใช้รูปแบบเดียวกันแล้วก็ใช้สูตร =เซลล์เดือน Jan + 30
☝️ นี่เป็นลูกเล่นในการสร้างหัวตารางที่เริ่มต้นจากวันที่ 15/1/2024 พอนำไปบวกต่อด้วย 30 ก็จะกลายเป็นเดือน Feb ถัดไปให้เอง แม้ว่าวันที่จะกลายเป็นวันที่อื่นที่ไม่ใช่ 15 ก็ตาม
ตัวอย่างนี้มาจากหลักสูตร Business Planning and Scheduling with Excel Expert ซึ่งจะทำให้ตารางที่เห็นนี้เปลี่ยนไปเริ่มจากเดือนไหนปีไหนก็ได้ตามใจครับ ซึ่งพอสามารถนำยอดเงินที่รับแบบผ่อนชำระหลากหลายแบบมากระจายตัวเลขลงไป พอบวกยอดแต่ละเดือนตามแนวตั้งก็จะได้ทราบรายรับในแต่ละเดือนไปใช้วางแผนงบประมาณ ทำฟีส หา Cashflow
